“บอกให้รอทำไมไม่รอ” ผู้มีสมาธิอยู่กับตำรับตำราเรียนถึงกับสะดุ้ง เหลียวมามองดู เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังเดินขึ้นมาบนศาลา พลางมือก็พับแขนเสื้อไปด้วย จากนั้นเขาสอดมือลงในกระเป๋ากางเกง อิงไหล่พิงเสาศาลาทอดตามองมา “เห็นไหม อุตส่าห์รีบกลับคนที่กลัวแทบตายก็ไม่อยู่ให้กลัว” คีติกาพยายามไม่ใส่ใจคำพูดนั้น เธอไม่ได้กลัวมารดา แต่เกรงใจต่างหาก แล้วถึงหล่อนไม่อยู่คำสั่งก็ย่อมเป็นคำสั่ง ขืนหล่อนไปสอบถามคนในบ้านขึ้นมาก็โดนบ่นโดนด่าย้อนหลังอยู่ดี เรื่องอะไรต้องทำให้เป็นปัญหาด้วยล่ะ “อ่านหนังสืออะไร” อีกฝ่ายเดินมาชะโงกดู หยุดอยู่ข้างหลังเธอนี่เอง นั่นยิ่งทำให้คีติกาสะดุ้งขึ้นมาอีก เพราะไม่รู้เขาเขยิบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ออกไปหาอะไรกินข้างนอกไหม” “ไม่ค่ะ” เธอให้คำตอบเรียบๆ พยายามนั่งตัวตรงแน่ว ได้ยินเสียงเขาแกมหงุดหงิด “โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วอะไรที่ทำได้บ้าง” “ไม่มี” คำบอกห้วนๆ นั้นทำให้คนฟังชะงักอึ้ง ครั้นแล้วขบปาก โน้มหน้าลงไปกระซิบข้างหู “ใครว่า นี่ไงที่ทำได้” แล้วจมูกโด่งขึ้นสันก็ฝังเข้าแก้มนุ่มเป็นครั้งที่สองของวัน คีติกาหันขวับมา ปั้นปาก ฉวยอุปกรณ์เครื่องเขียนใกล้มือขึ้นเงื้อง่า แต่อีกฝ่ายถอยฉากหลบไปแล้ว ส่งเสียงหัวเราะมายั่ว จากนั้นหันหลังเดินลงศาลาไป ปล่อยคนข้างหลังนั่งหน้าง้ำ ยกหลังมือขึ้นลูบปัดผิวแก้ม ขจัดร่องรอยของเขา
“บอกให้รอทำไมไม่รอ” ผู้มีสมาธิอยู่กับตำรับตำราเรียนถึงกับสะดุ้ง เหลียวมามองดู เห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังเดินขึ้นมาบนศาลา พลางมือก็พับแขนเสื้อไปด้วย จากนั้นเขาสอดมือลงในกระเป๋ากางเกง อิงไหล่พิงเสาศาลาทอดตามองมา “เห็นไหม อุตส่าห์รีบกลับคนที่กลัวแทบตายก็ไม่อยู่ให้กลัว” คีติกาพยายามไม่ใส่ใจคำพูดนั้น เธอไม่ได้กลัวมารดา แต่เกรงใจต่างหาก แล้วถึงหล่อนไม่อยู่คำสั่งก็ย่อมเป็นคำสั่ง ขืนหล่อนไปสอบถามคนในบ้านขึ้นมาก็โดนบ่นโดนด่าย้อนหลังอยู่ดี เรื่องอะไรต้องทำให้เป็นปัญหาด้วยล่ะ “อ่านหนังสืออะไร” อีกฝ่ายเดินมาชะโงกดู หยุดอยู่ข้างหลังเธอนี่เอง นั่นยิ่งทำให้คีติกาสะดุ้งขึ้นมาอีก เพราะไม่รู้เขาเขยิบมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ออกไปหาอะไรกินข้างนอกไหม” “ไม่ค่ะ” เธอให้คำตอบเรียบๆ พยายามนั่งตัวตรงแน่ว ได้ยินเสียงเขาแกมหงุดหงิด “โน่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วอะไรที่ทำได้บ้าง” “ไม่มี” คำบอกห้วนๆ นั้นทำให้คนฟังชะงักอึ้ง ครั้นแล้วขบปาก โน้มหน้าลงไปกระซิบข้างหู “ใครว่า นี่ไงที่ทำได้” แล้วจมูกโด่งขึ้นสันก็ฝังเข้าแก้มนุ่มเป็นครั้งที่สองของวัน คีติกาหันขวับมา ปั้นปาก ฉวยอุปกรณ์เครื่องเขียนใกล้มือขึ้นเงื้อง่า แต่อีกฝ่ายถอยฉากหลบไปแล้ว ส่งเสียงหัวเราะมายั่ว จากนั้นหันหลังเดินลงศาลาไป ปล่อยคนข้างหลังนั่งหน้าง้ำ ยกหลังมือขึ้นลูบปัดผิวแก้ม ขจัดร่องรอยของเขา